Q : ดิฉันแต่งงานมีลูก และหย่ากับสามีตั้งแต่อายุ 17 ปี ในปี พ.ศ. 2521 ดิฉันได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ใส่ชื่อและนามสกุลเดิมของดิฉัน ดิฉันปลูกบ้านและร้านเล็กๆ ไว้ทำมาหากินเลี้ยงแม่และลูก เรามีความสุขตามสมควร ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 ดิฉันได้จดทะเบียนสมรสกับนายทหารคนหนึ่ง เราอยู่ด้วยกันประมาณ 5 ปี ทุกอย่างก็จบลง เพราะแม่ดิฉันไม่ชอบสามี มักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ่อยๆ เราก็เลยแยกกันโดยที่ดิฉันยังใช่นามสกุลเขาอยู่ ช่วงแรกๆ ที่เลิกกันเขาก็ติดต่อมาบ้าง แต่ไม่นานก็เงียบหายไป ตอนนี้ก็เกือบ 2 ปี แล้วที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลย ดิฉันก็ไม่ได้ติดตามเขาด้วย เพราะตอนนั้นลูกก็ยังเรียนไม่จบ
ตอนนี้ดิฉันอายุ 55 ปี มีหน้าที่เลี้ยงดูแม่ที่แก่มากและช่วยลูกเลี้ยงหลานบ้าง และต้องเดินทางบ่อยๆ ทำให้กลัวอุบัติเหตุ เลยอยากถามว่า
1. ถ้าดิฉันอยากยกทุกอย่างที่มีอยู่ให้กับลูก เมื่อเสียชีวิต โดยที่ลูกจะไม่ต้องยุ่งยากจะต้องทำอย่างไร
2. ที่ดินที่ดิฉันซื้อไว้นานแล้วเป็นชื่อ-นามสกุลเดิม ต้องไปเปลี่ยนหรือไม่
3. ตอนนี้ดิฉันเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดิมดีหรือไม่ค่ะ และเราต้องเปลี่ยนเอกสารทุกอย่าง อาทิ ประกันชีวิต สลากออมทรัพย์ ทะเบียนบ้าน สมุดธนาคาร ทั้งหมดเลยเลยหรือไม่
A : ตามข้อเท็จจริงที่ให้มาเมื่อคุณหย่ากับสามีเดิมเมื่อปี 2521 และได้ซื้อที่ดินในนามของคุณที่ดินแปลงดังกล่าวจึงเป็นสินส่วนตัวของคุณ ซึ่งคุณมีสิทธิในที่ดินแปลงพร้อมบ้านที่ปลูกอยู่บนที่ดินนั้นแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งภายหลังคุณจะโอนให้ใครหรือจะขายให้ใครก็ทำได้เพราะเป็นสินส่วนตัวของคุณคนอื่นไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว และต่อมาคุณได้จดทะเบียนสมรสกับนายทหารอีกคนในปี 2530 แต่ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้และได้เลิกรากันไป ผมเข้าใจว่าคงยังไม่มีการจดทะเบียนหย่ากันตามกฎหมายเพียงแต่แยกกันอยู่ ซึ่งตามกฎหมายแล้วถือว่าคุณกับสามีนายทหารยังคงเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นทรัพย์สินใดๆที่ทำมาหาได้ร่วมกันในระหว่างที่จดทะเบียนสมรสถือว่าเป็นสินสมรสครับ หากจดทะเบียนหย่ากันก็ต้องนำมาแบ่งกันคนละครึ่ง ยกเว้นที่ดินและบ้านซึ่งเป็นสินส่วนตัวยังคงเป็นของคุณที่ไม่ต้องแบ่งให้ใคร แต่หากระหว่างสมรสกับนายทหารไม่มีทรัพย์สินใดๆ ขึ้นมาเลยก็ไม่ต้องแบ่ง และตามกฎหมายการที่คุณกับสามีนายทหารแยกกันอยู่แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้หากการสมัครใจแยกกันอยู่นี้เกิน 3 ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็มีสิทธิ์ฟ้องหย่าอีกฝ่ายได้
และจากคำถามที่คุณถามมานั้น ผมตอบให้ดังนี้ครับ
1. การยกทรัพย์สินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณ เช่น ที่ดินและบ้าน ให้กับลูกสามารถที่จะยกให้ได้ครับ เพราะเป็นทรัพย์สินของคุณโดยไปดำเนินการจดทะเบียนโอนให้ที่สำนักงานที่ดินตั้งอยู่ได้เลย แต่หากมีทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ระหว่างที่อยู่กับสามีนายทหารคุณมีสิทธิ์ยกให้ได้เหมือนกัน แต่ให้ได้เพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้นครับ
2. ที่ดินที่ซื้อไว้ไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขชื่อนามสกุลเดิมหรอกครับ
3. คุณสามารถไปแก้ไขชื่อสกุลของคุณได้ตลอดเวลาอยู่แล้วครับ โดยจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อนามสกุลเดิม หรือจะใช้นางสาวนำหน้าชื่อคุณก็ได้ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนชื่อนามสกุล เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ควรจะไปแก้ไขให้ถูกต้องก็จะเป็นการดีครับ เพราะจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลังที่จะตามมา ทำตอนที่เรามีชีวิตอยู่นี่ละครับ คนข้างหลังจะได้ไม่ยุ่งยาก